𝙎𝙪𝙨𝙩𝙖𝙞𝙣𝙖𝙗𝙡𝙚 𝙈𝙖𝙧𝙠𝙚𝙩𝙞𝙣𝙜: การตลาดที่ตอบโจทย์ธุรกิจและโลกอย่างยั่งยืน

“𝙎𝙪𝙨𝙩𝙖𝙞𝙣𝙖𝙗𝙡𝙚 𝙈𝙖𝙧𝙠𝙚𝙩𝙞𝙣𝙜: การตลาดที่ตอบโจทย์ธุรกิจและโลกอย่างยั่งยืน” ในยุคที่กระแสรักษ์โลกขยายตัวอย่างรวดเร็ว สู่ทุกมิติของชีวิต ทั้งธุรกิจ เศรษฐกิจ และสังคม การตื่นตัวในเรื่อง “ความยั่งยืน” กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลก และก่อให้เกิดแนวคิดใหม่ในวงการการตลาดอย่าง Sustainable Marketing การตลาดแบบยั่งยืน ที่เน้นการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยสร้างความแตกต่างให้แบรนด์เหนือคู่แข่ง 𝙎𝙪𝙨𝙩𝙖𝙞𝙣𝙖𝙗𝙡𝙚 𝙈𝙖𝙧𝙠𝙚𝙩𝙞𝙣𝙜 คืออะไร? การตลาดแบบยั่งยืนคือการผสมผสานแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้ธุรกิจแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อโลกอย่างแท้จริง ตัวอย่างที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✨ กิจกรรม CSR เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ ✨ วัสดุหรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ✨ สินค้าหรือบริการที่สนับสนุนไลฟ์สไตล์แบบยั่งยืน   กลยุทธ์สำคัญสำหรับ 𝙎𝙪𝙨𝙩𝙖𝙞𝙣𝙖𝙗𝙡𝙚 𝙈𝙖𝙧𝙠𝙚𝙩𝙞𝙣𝙜ธุรกิจสามารถเริ่มต้นได้ด้วยแนวทางเหล่านี้: ปรับภาพลักษณ์แบรนด์• เลือกใช้วัสดุรักษ์โลก• สื่อสารเรื่องความยั่งยืนผ่านแคมเปญหรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้ความรู้แก่ลูกค้า• สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความยั่งยืน• ใช้ประโยชน์จากความรู้เหล่านี้เพื่อสร้าง Community และเพิ่ม Brand Loyalty ยึดมั่นในความสม่ำเสมอ• สื่อสารแนวทางนี้ให้ชัดเจนทั้งในและนอกองค์กร• สร้างทิศทางที่ต่อเนื่องตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการส่งมอบสินค้า   𝘾𝙖𝙨𝙚 𝙎𝙩𝙪𝙙𝙮: 𝙋𝙖𝙩𝙖𝙜𝙤𝙣𝙞𝙖Patagonia แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กลางแจ้งชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มุ่งมั่นเรื่องความยั่งยืนอย่างแท้จริง พวกเขาได้สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน เช่น ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุรีไซเคิลและลดของเสียในกระบวนการผลิต แคมเปญเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น การรณรงค์ให้ลูกค้า “ซื้อให้น้อยลง” พร้อมซ่อมแซมสินค้าเก่าเพื่อลดขยะ คืนกำไรสู่ธรรมชาติ ด้วยการบริจาครายได้ 1% ให้กับโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลกผลลัพธ์ที่ได้คือ Patagonia สามารถเพิ่มความภักดีของลูกค้าได้อย่างมหาศาล เพราะผู้บริโภคมองว่าแบรนด์ไม่ได้เน้นเพียงผลกำไร แต่ยังใส่ใจในอนาคตของโลกด้วยการสื่อสารอย่างจริงใจและต่อเนื่องของ Patagonia ช่วยให้แบรนด์ไม่เพียงเป็นตัวแทนความยั่งยืน แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ธุรกิจอื่น ๆ ก้าวตาม 🌍อนาคตของการตลาดแบบยั่งยืน   แนวทางนี้ไม่ใช่เพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกธุรกิจ และยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ใครพร้อมปรับตัวได้ก่อน ย่อมมีโอกาสสร้างความได้เปรียบในระยะยาว 🌍

ปรับตัวอย่างไรในยุค De-influencing?

De-influencing: การตลาดยุคใหม่ที่เน้นความโปร่งใสและความยั่งยืน ในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากรีวิวและคำแนะนำของ Influencers ทั่วโลก เราเริ่มเห็นกระแสใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการตลาดที่เคยเน้นการโปรโมตและขายอย่างหนักหน่วง กระแสนี้เรียกว่า De-influencing ซึ่งตรงข้ามกับการใช้ Influencers เพื่อสร้างกระแสการซื้อ De-influencing กลับสนับสนุนให้ผู้บริโภคตัดสินใจด้วยข้อมูลที่โปร่งใส ให้ความสำคัญกับความจริงมากกว่าการโฆษณาเกินจริง กระแสนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงทางการตลาด แต่เป็นการตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มตระหนักถึงความโปร่งใสและความซื่อสัตย์จากแบรนด์มากขึ้น De-influencing เปิดโอกาสให้ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่เน้นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและการสร้างความไว้วางใจในระยะยาว De-influencing คืออะไร? De-influencing คือแนวคิดที่ต้านกระแสของการโปรโมตแบบดั้งเดิม โดยมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคมีการตัดสินใจที่ฉลาดขึ้น และให้ความสำคัญกับข้อมูลที่โปร่งใส เช่น การที่ Influencers บางรายออกมาพูดถึงสินค้าที่พวกเขาไม่แนะนำให้ซื้อ หรือเตือนให้ผู้บริโภคใช้เหตุผลในการตัดสินใจแทนที่จะเชื่อตามคำโฆษณาหรือความนิยมเพียงอย่างเดียว การตลาดรูปแบบนี้ทำให้ผู้บริโภคเชื่อถือและไว้วางใจในข้อมูลที่ได้รับมากขึ้น ความสำคัญของการปรับตัวในยุค De-influencingสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน De-influencing เป็นมากกว่ากระแส เพราะเป็นโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ การเปลี่ยนแนวทางการตลาดจากการโฆษณาที่เน้นการขายอย่างเดียว มาสู่การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใสจะช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อในระยะยาว แบรนด์ที่ปรับตัวได้ดีในยุคนี้จะสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ เพราะเมื่อผู้บริโภคมองหาแบรนด์ที่ซื่อสัตย์และเชื่อถือได้ การให้ข้อมูลที่โปร่งใสเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ยืนหยัดอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้ กลยุทธ์การตลาดในยุค De-influencingหากคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโตในยุคที่ De-influencing กำลังมีบทบาทสำคัญ การปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับแนวคิดนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม นี่คือวิธีที่ธุรกิจสามารถนำ De-influencing มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า: 1. สร้างกลยุทธ์การตลาดที่โปร่งใสการให้ข้อมูลที่โปร่งใสและซื่อสัตย์เกี่ยวกับสินค้าและบริการเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยุคนี้ ผู้บริโภคต้องการรู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริง ข้อจำกัด และการใช้งานของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน โดยไม่มีการพูดเกินจริง นี่คือการสร้างคุณค่าและความไว้วางใจในระยะยาว 2. เน้นความยั่งยืนในการสร้างความเชื่อมั่นการตลาดที่ยั่งยืนไม่ได้หมายถึงการเพิ่มยอดขายเพียงครั้งเดียว แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า การให้ข้อมูลที่โปร่งใส ชัดเจน และไม่บิดเบือนจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ซึ่งนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว 3. การนำเสนอข้อมูลผ่านช่องทางที่ถูกต้องในยุคที่การตลาดดิจิทัลมีบทบาทมาก การเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายถือเป็นสิ่งสำคัญ ช่องทางเหล่านี้อาจเป็น Social Media เว็บไซต์ของบริษัท หรือแม้แต่การทำ SEO เพื่อให้ผู้บริโภคค้นหาข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณได้ง่ายขึ้น 4. การสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างในตลาดDe-influencing เปิดโอกาสให้ธุรกิจสร้างภาพลักษณ์ที่โปร่งใส ซื่อสัตย์ และแตกต่างในตลาด การสร้างความแตกต่างผ่านความจริงใจและการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไม่เพียงแต่จะดึงดูดลูกค้าได้ดี แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและแข็งแรงกับลูกค้าด้วย ตัวอย่างความสำเร็จของ De-influencing ในธุรกิจมีหลายแบรนด์ที่ปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับแนวคิด De-influencing และได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม หนึ่งในตัวอย่างที่ดีคือแบรนด์ที่ใช้การตลาดเชิงโปร่งใส บอกข้อดีและข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจให้กับกลุ่มลูกค้า ทำให้แบรนด์สามารถสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีและเติบโตอย่างมั่นคง ให้ onepoint618 ช่วยคุณปรับกลยุทธ์การตลาดสู่ De-influencingonepoint618 คือผู้เชี่ยวชาญด้าน Branding และ Digital Marketing ที่เข้าใจความสำคัญของการตลาดโปร่งใสและยั่งยืน เราช่วยธุรกิจของคุณปรับตัวให้เข้ากับการตลาดยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง การวางกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ หรือการทำ SEO ที่ทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นในตลาดออนไลน์ ให้เราช่วยคุณเติบโตอย่างมั่นคงในยุคที่ De-influencing กำลังมาแรง ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่โปร่งใส สร้างความไว้วางใจ และความสำเร็จในระยะยาว สรุปDe-influencing กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของการตลาดยุคใหม่ การสร้างความโปร่งใสและการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้บริโภคไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า หากคุณต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคนี้ การนำแนวคิด De-influencing มาใช้ในกลยุทธ์การตลาดเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม สนใจปรับกลยุทธ์การตลาดของคุณให้เข้ากับยุค De-influencing?ติดต่อ onepoint618 เพื่อรับคำปรึกษาและแผนการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ!

Digital Insights Thailand Report 2024

สรุปสถิติเด่นจาก Digital Insights Thailand Report 2024 รายงาน Digital Insights Thailand Report 2024 ได้เปิดเผยพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยอย่างน่าสนใจ โดยมีไฮไลท์สำคัญ ดังนี้: การใช้งานโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มยอดนิยม: LINE ยังคงครองแชมป์แพลตฟอร์มที่คนไทยใช้งานมากที่สุด ตามมาด้วย Facebook, YouTube, TikTok และ Instagram ความแตกต่างตามกลุ่มอายุ: Gen Z นิยมใช้โซเชียลมีเดียในการค้นหาข้อมูลมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ขณะที่กลุ่ม Baby Boomer และ Gen X ยังนิยมใช้ Search Engine เป็นหลัก โซเชียลมีเดียสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้สูง: กลุ่มนี้มักใช้งานแพลตฟอร์มอย่าง X (Twitter), Discord, Pantip, Pinterest, Whatsapp, Telegram และ LINE พฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ ช่องทางยอดนิยม: TikTok กำลังมาแรงในกลุ่ม Gen Z โดยเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ซื้อสินค้ามากที่สุดในกลุ่มนี้ ขณะที่ Millennials และ Baby Boomer ยังนิยมสั่งซื้อผ่าน Facebook แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: Shopee, Lazada และ Amazon ครองส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย ความแตกต่างตามกลุ่มเป้าหมาย: ผู้มีรายได้ปานกลางนิยมใช้ Shopee ขณะที่ Gen X ที่มีรายได้สูงมักเลือกซื้อสินค้าผ่าน Lazada การใช้งาน Streaming Platform แพลตฟอร์มยอดนิยม: Netflix เป็นที่นิยมในกลุ่ม Gen X ขณะที่ Gen Z เลือกใช้ YouTube Premium และ Spotify ปัจจัยในการเลือกใช้: Gen Z ให้ความสำคัญกับรีวิวบนโซเชียลมีเดียในการตัดสินใจเลือกใช้บริการ Streaming มากกว่ากลุ่มอื่นๆ ขณะที่ Gen X เน้นเรื่องราคาที่สมเหตุสมผล สรุป: รายงานฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคไทยบนโลกดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Gen Z ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเทรนด์ใหม่ๆ ทั้งในด้านโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซ สามารถดูรายงานฉบับเต็มได้ที่ : Download

Customer Experience 3.0 is here

ยุคใหม่แห่งประสบการณ์ลูกค้า: การมาถึงของ Customer Experience 3.0 การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้พลิกโฉมหน้าธุรกิจอย่างสิ้นเชิง เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาแทนที่กระบวนการทำงานแบบดั้งเดิม ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างลูกค้าและธุรกิจ ในอดีต การบริการลูกค้ามักเป็นการโต้ตอบแบบตัวต่อตัว พนักงานสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าและมอบบริการที่ตรงใจ แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจต่างมุ่งเน้นไปที่การใช้ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) โดยตรง ลูกค้าต้องเผชิญกับระบบอัตโนมัติที่ซับซ้อน การโต้ตอบผ่านหน้าจอ และ chatbot ที่อาจไม่เข้าใจความต้องการของพวกเขา Customer Experience 3.0: ทางออกสู่ยุคดิจิทัล Customer Experience 3.0 มุ่งเน้นไปที่การสร้าง “ความผูกพันทางอารมณ์” กับลูกค้า ธุรกิจต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก มอบประสบการณ์ที่ personalized และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า   องค์ประกอบสำคัญของ Customer Experience 3.0 การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง: ธุรกิจต้องเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล และเข้าใจความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก การสร้างประสบการณ์ที่ personalized: ธุรกิจต้องนำเสนอสินค้า บริการ และเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน การสร้างความประทับใจ: ธุรกิจต้องสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า มอบความรู้สึกพิเศษ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า การใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด: ธุรกิจต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ตัวอย่างการนำ Customer Experience 3.0 ไปใช้ ธุรกิจสามารถใช้ AI chatbot ที่เข้าใจภาษาธรรมชาติ เพื่อตอบคำถามและให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจสามารถใช้ระบบ recommendation engine เพื่อแนะนำสินค้า บริการ และเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ธุรกิจสามารถใช้ระบบ personalization เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ customized ให้กับลูกค้า Customer Experience 3.0 : กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล ธุรกิจที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ย่อมสร้างความภักดี ดึงดูดลูกค้าใหม่ และสร้างความสำเร็จในยุคดิจิทัล ธุรกิจที่มุ่งเน้น Customer Experience 3.0 ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาว บทสรุป Customer Experience 3.0 เป็นแนวทางสำคัญสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัล ธุรกิจที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ย่อมสร้างความผูกพันทางอารมณ์ ดึงดูดลูกค้า และสร้างความสำเร็จในระยะยาว

EVA AIR sponsor Honda LPGA Thailand 2024

Support the 2024 Honda LPGA Thailand with EVA Airways Be part of the prestigious 2024 Honda LPGA Thailand women’s golf tournament as an official sponsor. We’re excited to partner with EVA AIR, a leading global airline, to bring this world-class event to fans in Thailand. More Than Just a Tournament In addition to the thrilling competition, EVA AIR invites all golf fans to join us for a special experience at the tournament. Enjoy exclusive activities, receive limited-edition souvenirs, and create lasting memories with us. Be Part of History Join us at the Siam Country Club Old Course in Pattaya, Thailand, from February 22-25, 2024, to witness this historic event. The tournament will be held from 7:00 AM to 5:00 PM each day. Don’t miss this special opportunity! Cheer on the world’s top female golfers and experience the excitement of the 2024 Honda LPGA Thailand. —– ร่วมส่งแรงเชียร์นักกอล์ฟหญิงในศึก Honda LPGA Thailand 2024 พร้อมการสนับสนุนจากสายการบิน EVA AIR ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการแข่งขันกอล์ฟหญิงระดับโลก Honda LPGA Thailand 2024 ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ โดยได้รับการสนับสนุนจากสายการบินชั้นนำ EVA AIR มากกว่าการแข่งขัน นอกจากความตื่นเต้นเร้าใจของการแข่งขันแล้ว ทาง EVA AIR ยังขอเชิญชวนแฟนกอล์ฟทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์พิเศษภายในงาน พร้อมรับของที่ระลึกสุดพิเศษจากสายการบิน และสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจไปด้วยกัน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษและรับชมการแข่งขันกอล์ฟระดับโลก Honda LPGA Thailand 2024 ณ สนามกอล์ฟ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา วันที่: พฤหัสบดีที่ 22 ถึง อาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา: 07.00 น. ถึง 17.00 น. อย่าพลาดโอกาสพิเศษนี้! มาร่วมเชียร์นักกอล์ฟหญิงชั้นนำจากทั่วโลก และสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจไปด้วยกัน

RNG Sport first Flagship Store

We proud to be a part of the opening of RNG SPORT ‘s first Flagship Store, handling In-Store Display and various promotional materials for the department store. Experience the next level of running and outdoor activities with RNG Flagship Store, the first in Thailand. Visit the ultimate Flagship Store of RNG, a leading brand in running and outdoor products, now open on the 3rd floor of CentralWorld (Beacon zone). RNG Flagship Store offers a wide selection of world-renowned brands such as ALTRA, NORDA, NNORMAL and COROS. Whether you’re looking for advanced running gear, cutting-edge technology, shoes, apparel or other outdoor equipment, we have it all. —– เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปิดตัว Flagship Store แรกของ RNG SPORT โดยดูแลในส่วนของ In-Store Display และ สื่อโปรโมทต่างๆ ของห้างสรรพสินค้า เปิดประสบการณ์เหนือระดับแห่งการวิ่งและกิจกรรมกลางแจ้ง กับ RNG Flagship Store แห่งแรกในประเทศไทย พบกับสุดยอด Flagship Store ของ RNG แบรนด์ชั้นนำด้านสินค้าสำหรับการวิ่งและกิจกรรมกลางแจ้ง ได้แล้ววันนี้ ณ ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (โซน Beacon) RNG Flagship Store นำเสนอสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง ALTRA, NORDA, NNORMAL และ COROS ให้คุณเลือกสรรอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับการวิ่ง เทคโนโลยีล้ำสมัย รองเท้า เสื้อผ้า ไปจนถึงอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ อีกมากมาย